วิทยาศาสตร์ยืนยัน! การกอดช่วยให้ผู้สูงวัยสุขภาพดีขึ้น การกอดเป็นรูปแบบหนึ่งของการแสดงความรักและความห่วงใยที่มีอานุภาพ ไม่ว่าจะกอดเพื่อน คนในครอบครัว คนรัก หรือคนที่มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจต่อกัน เพราะนอกจากจะรู้สึกอบอุ่นและรู้สึกดีแล้ว ยังมีงานวิจัยการกอดที่ชี้ให้เห็นว่าการกอดมีประโยชน์ต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตอีกด้วย โดยเฉพาะในผู้สูงวัยที่การกอดสามารถช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพได้อย่างมาก กอดช่วยสุขภาพดีขึ้นได้อย่างไร? 1. ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียด ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่าการกอดจำเป็นต่อทารกและเด็กเล็ก ซึ่งมีหลักฐานว่าผู้ที่ได้รับการกอดบ่อย ๆ ตั้งแต่วัยเด็กจะมีอาการที่เกิดจากความเครียดน้อยกว่าเมื่อโตขึ้น และสำหรับผู้สูงวัย การกอดก็มีประโยชน์ในลักษณะเดียวกัน โดยช่วยให้ร่างกายลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียดได้ มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ทดลองให้เด็กผู้หญิงอายุ 7-12 ปีเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียด พบว่าเด็กที่ได้กอดหรือคุยโทรศัพท์กับแม่ก่อนเผชิญสถานการณ์ดังกล่าวมีระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลต่ำกว่าเด็กที่ไม่ได้รับการกอด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการกอดช่วยลดความเครียดได้จริง และผลลัพธ์นี้สามารถนำมาอ้างอิงกับผู้สูงอายุได้เช่นกัน 2. เพิ่มความผูกพันและความรู้สึกปลอดภัย การกอดช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนอ็อกซีท็อกซิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยเพิ่มความใกล้ชิดและความเชื่อใจต่อกัน มีงานวิจัยการกอดที่พบว่าผู้ที่กอดกับคนรักหรือครอบครัวบ่อย ๆ จะมีความรู้สึกมั่นคงและผูกพันกันมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยวซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของผู้สูงวัยหลายคน 3. ลดความดันโลหิต การกอดไม่เพียงช่วยให้จิตใจสงบเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อสุขภาพกายโดยตรง เช่น การลดความดันโลหิต งานวิจัยการกอดชิ้นหนึ่งที่ทดลองกับกลุ่มหญิงวัยก่อนหมดประจำเดือนจำนวน 59 คน พบว่าผู้ที่กอดกับคู่รักบ่อย ๆ มีระดับฮอร์โมนอ็อกซีท็อกซินเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ระดับความดันโลหิตลดลง ซึ่งอาจเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้สูงอายุที่มักเผชิญปัญหาความดันโลหิตสูง 4. ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและส่งเสริมภูมิคุ้มกัน ผู้ที่มีความเครียดสูงมักมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนทั่วไป เนื่องจากความเครียดส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง งานวิจัยพบว่าผู้ที่ได้รับการกอดและการสนับสนุนทางอารมณ์จากคนรอบข้างมีแนวโน้มติดเชื้อหวัดน้อยกว่าคนที่ไม่ได้รับการกอดเลย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการกอดช่วยสุขภาพดีขึ้นได้จริงผ่านกลไกการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน…
เมนูสุขภาพ สำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาการเคี้ยว ทำไมผู้สูงอายุถึงมีปัญหาการเคี้ยว? เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ ปัญหาสุขภาพช่องปาก เช่น การสูญเสียฟัน ฟันสึก หรือฟันเทียมที่ไม่พอดี ส่งผลให้การเคี้ยวอาหารยากลำบาก นอกจากนี้ ระบบย่อยอาหารยังทำงานด้อยลง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะขาดสารอาหารและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น น้ำหนักลด ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และเกิดโรคเรื้อรังได้ง่ายขึ้น สาเหตุของปัญหาการเคี้ยวในผู้สูงอายุ การสูญเสียฟัน: การมีฟันน้อยหรือไม่มีฟันหลังที่สบกัน อาจทำให้ผู้สูงอายุไม่สามารถบดเคี้ยวอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ ฟันสึก: รูปทรงฟันเปลี่ยนไปจากการใช้งานนาน ทำให้การบดเคี้ยวอาหารไม่สะดวกและอาจเกิดความเจ็บปวด ฟันเทียมไม่พอดี: ฟันเทียมที่หลวมเกินไปหรือแน่นเกินไปอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือแผลในช่องปาก เจ็บข้อต่อขากรรไกร: อาจเกิดจากการใช้งานที่ผิดวิธีหรือปัญหาทางโครงสร้างของกระดูกขากรรไกร
เทคนิคการเตรียมอาหารสำหรับผู้สูงอายุ ปรับเนื้อสัมผัส: ใช้วิธีการทำอาหาร เช่น ต้ม ตุ๋น ลวก นึ่ง หรือบดอาหารให้มีเนื้อสัมผัสนุ่ม เพื่อลดความยากลำบากในการเคี้ยว เลือกวัตถุดิบที่เหมาะสม: เน้นใช้เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา ไข่ เต้าหู้ และผักที่อ่อนนุ่ม เช่น ฟักทอง แครอท หรือผักต้ม เพิ่มรสชาติและสีสัน: ใช้เครื่องเทศหรือสมุนไพร เช่น ขิง ข่า หรือกระเทียม…